ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก “ไร้ เบนซ์, ไร้ปัญหา” ราชันเฮนิ่ม, “ฮาลันด์” ซัดพาเรือแซงหืด
ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับ เรอัล มาดริด หลังพวกเขาเปิดซานติโก เบอนาเบว ไล่อัด แอร์เบ ไลป์ซิก แบบสบายเกือก ด้วยสกอร์ 2-0 ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
เรอัล มาดริด มีรูปเกมที่เหนือกว่า แอร์เบ ไลป์ซิก อย่างชัดเจน ซึ่งพวกเขาได้ 2 ประตู จากฝีเท้าของ เฟเดริโก บัลเบร์เด้ และ มาร์โก อเซนซิโก ที่ช่วยกันยิงในช่วงท้ายเกม
การที่ เรอัล มาดริด เอาชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยสกอร์ 2-0 ทำให้พวกเขายังคงนำเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนนกลุ่มเอฟ ด้วยการมี 6 แต้ม หลังผ่านการลงสนามไป 2 เกม
ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โกงความตายได้อย่างน่าเหลือเชื่อ หลังพลิกกลับมาเป็นฝ่ายเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุดน์ แบบหืดจับ ด้วยสกอร์ 2-1 ซึ่ง 2 ประตู ของพวกเขา ล้วนเกิดขึ้นในช่วงท้ายเกมทั้งหมด
เรอัล มาดริด เปิดบ้านอัด แอร์เบ ไลป์ซิก สบายเกือก 2-0 ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
เรอัล มาดริด ของ คาร์โล อันเชล็อตติ ยังคงเดินหน้าเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง หลังเปิดซานติเอโก เบอนาเบว เอาชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก ไปแบบสบายเกือก ด้วยสกอร์ 2-0 ในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
เสียงนกหวีดเริ่มต้นเกมการแข่งขันดังขึ้น เป็นทาง แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ทักทายก่อน จากจังหวะยิงของ คริสตอฟ เอ็นคุนคู แต่ติดเซฟ ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ส่วน เรอัล มาดริด ตอบโต้กลับ จากจังหวะยิงของ โรดรีโก้ แต่ก็ไม่ผ่านมือ ปีเตอร์ กูลัคซี่ เช่นกัน
เรอัล มาดริด ครองเกมได้เหนือกว่า แอร์เบ ไลป์ซิก มากพอสมควร แต่พวกเขาพาบอลเข้าไปในพื้นที่อันตรายไม่ค่อยได้ จำเป็นต้องลุ้นจากจังหวะยิงไกลของ ลูก้า โมดริช น่าเสียดายที่บอลมันหลุดกรอบออกไปนิดเดียว
กลับมาลงเล่นในช่วง 45 นาทีหลัง ก็ยังคงเป็น เรอัล มาดริด ที่ครองเกมได้เหนือกว่า ซึ่งถึงแม้จะยังไม่มีโอกาสลุ้นยิงแบบจะแจ้ง แต่พวกเขาก็เล่นไปตามจังหวะ ไม่ได้เร่ง หรือออกอาการร้อนรนแต่อย่างใด
ในที่สุด เรอัล มาดริด ก็มาได้ประตูที่ต้องการ แถมยังได้ถึง 2 ประตู ออกนำ 2-0 จากการยิงคนละตุง เฟเดริโก บัลเบร์เด้ ในนาทีที่ 80 และ มาร์โก อเซนซิโอ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 90+1
จบเกม เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายเอาชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยสกอร์ 2-0 ยังคงนำเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนนกลุ่มเอฟ ด้วยการมี 6 แต้ม หลังผ่านการลงสนามไป 2 เกม
4 นาที 2 ตุง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลิกชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สุดหืดจับ 2-1
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา โกงความตายได้สำเร็จ หลังเปิดเอติฮัด สเตเดี้ยม พลิกกลับมาเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แบบหืดจับ ด้วยสกอร์ 2-1 ในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
เสียงนกหวีดเริ่มต้นเกมการแข่งขันดังขึ้น ก็เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เดินหน้าบุกเข้าใส่ตามสไตล์ที่พวกเขาถนัด ส่วน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไม่มีทางเลือกมากนัก ต้องถอยร่นลงไปเกมรับอย่างเดียว
แม้จะเป็นฝ่ายครองบอลได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่สามารถเจาะเกมรับอันเหนียวแน่นของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เพื่อเข้าไปลุ้นทำประตูได้เลย แถมจังหวะสุดท้ายยังดูขาดๆ เกินๆ ไปหมด
กลับมาลงเล่นในช่วง 45 นาทีหลังได้ไม่ทันไร บรรดาแฟนบอลของทัพเรือใบสีฟ้า ต้องช็อกทั้งสนาม หลัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ จู๊ด เบลลิ่งแฮม แหย่ขาสะกิดลูกยิงของ มาร์โค รอยส์ เปลี่ยนทางเข้าไปแบบงงๆ
ดูเหมือน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะเป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็โกงความตาย ด้วยการรัว 2 ประตูรวด พลิกกลับมาเป็นฝ่ายออกนำ 2-1 จากฝีเท้าของ จอห์น สโตนส์ ในนาทีที่ 80 และ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ในนาทีที่ 84
จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยสกอร์ 2-1 ยังคงนำเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนนกลุ่มจี ด้วยการมี 6 แต้ม หลังผ่านการลงสนามไป 2 เกม